วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Model] ปราการสุดท้ายแห่ง ซีอ้อน "Zeong"


Model number: MSN-02
Code name: Zeong
Unit type: prototype Newtype use mobile suit
Manufacturer: A Bao A Qu Mobile Suit Factory
Operator: Principality of Zeon
First deployment: 31 December UC 0079
Accommodation: pilot only, in standard cockpit in head
Dimensions: head height 17.3 meters
Weight: empty 151.2 metric tons; max gross 231.9 metric tons
Powerplant: Minovsky type ultracompact fusion reactor, output rated at 9400 kW
Propulsion: rocket thrusters: 187000 kg total
Performance: maximum thruster acceleration 0.81 G
Equipment and design features: sensors, range 81000 meters; psycommu system; detachable head, can be operated without main body
Fixed armaments: 2 x wire-guided 5-barrel mega particle gun, barrels mounted in manipulator fingers, all barrels in each hand are fire-linked; 2 x mega particle gun, mounted in torso; mega particle gun, mounted in head

    MS ที่ถูกพัฒนาต่อจาก  MAN-08 Elmeth , Zeong นั้นเป็น MS ที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับนักบินที่เป็นนิวไทป์โดยเฉพาะ โดยถูกพัฒนาขึ้นในช่วงท้ายของสงครามหนึ่งปีในฐานทัพ A Bao A Qu บนอวกาศของซีออน ซึ่ง คิชิเลีย ซาบี้ ได้สั่งให้ ชาร์ อัสนาเบิ้ล นำ Zeong ออกรบ เพื่อหยุดการรุกคืบของพัพพันธมิตร สู่ที่มั่นสุดท้ายของซีออนในอวกาศ โดยคิชิเลียให้เหตุผล(สุดจะแถ) แก่ชาร์ไว้ว่า " Zeong มีความสามารถในการรบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะขาไม่มีความจำเป็นสำหรับการรบในอวกาศ" (แต่ถ้าหมึกแดงเป็นชาร์ ก็คงหนาวๆ ร้อนๆ บ้างล่ะ ที่อยู่ดีๆ ก็โดนสั่งให้ไปบังคับอะไรซักอย่างที่ไม่รู้จักไปออกรบ ...แถมยังสร้างเสร็จแค่ 70% เนี่ย...)

    Zeong นั้น ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้งๆ ที่มีข้อจำกัดหลายประการ มันเป็น MS เพียงเครื่องเดียวในขณะนั้นที่มีระบบ ไซโคมิว ที่สามารทำให้นักบินควบคุมแขนทั้ง 2 ข้างที่มีปืนสำแสงอย่างอิสระโดยไม่ต้องติดอยู่ที่ MS (ต้นแบบของ อาวุธตระกูลฟันเนล, บิท ทั้งหลายนั่นเอง) ซึ่งถ้านับรวมไปถึงอาวุธอื่นที่ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องแล้ว Zeong จะเป็น MS ที่มีอาวุธลำแสงติดอยู่ภายในมากที่สุดในสงครามหนึ่งปีทีเดียว และจุดเด่นอีกอย่างนั้นคือ การที่มันมีค็อกพิทอยู่ที่ส่วนหัวของ MS ทำให้เมื่อส่วนลำตัวได้รับความเสียหายหนัก ก็สามารถทิ้งส่วนลำตัวเพื่อทำการรบต่อได้

    และถึงแม้จะสร้างไม่เสร็จ แต่ Zeong ก็แสดงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของมันออกมาให้เห็น โดยการไล่ต้อน กันดั้มของอามูโร่ อย่างหนัก และสุดท้าย ทั้ง Zeong และ Gundam ต่างถูกทำลายลงพร้อมๆ กันการยิงสวนกันที่เป็นช็อตในตำนาน จนมีการตั้งชื่อช็อตนี้กันว่า " Last Shooting" กันเลย

    ท่าระดับตำนาน Last Shooting ที่ Gundam และ Zeong ยิงสวนกันจนถูกทำลายทั้ง 2 เครื่อง 

    ซึ่งท่า Last Shooting นี้ ได้มีกันดั้มภาคหลังหลายต่อหลายภาคนำไปเลียนแบบในช่วงท้ายของเรื่องกันมากมาย ลองสังเกตุดูสิครับ ว่ามีหลายภาคมาก ที่ในตอนสุดท้าย กันดั้มของพระเอก จะต้อง หัวขาด และแขนขาดอีกหนึ่งข้างเสมอๆ เลย


สัดส่วนด้านต่างๆ แน่นอนว่าต้องมีขาตั้งมาให้ ....ไม่งั้นจะตั้งได้ไง เฮียแกไม่มีขา ........




ดวงตาเป็น โมโนอาย ตามสไตล์ MS ของซีออนอยู่แล้ว


ส่วนนิ้ว Zeong เป็น ตัวแรกของซี่รี่ส์ HGUC เลยครับ ที่ขยับนิ้วได้ทุกนิ้ว (เพราะตัวใหญ่อ่ะนะ)


ปืนใหญ่ลำแสง(สีม่วง?) ที่ส่วนเอว


อาวุธหลักที่ขาดไปไม่ได้ แขนไซโคมิว ตรงนี้มีสายไฟมาให้จัดท่าได้ ...แต่ขอบอก ให้มาสั้นโคตร ยืดได้ไม่มันส์อ่ะ (แต่ถ้ายาวไป ก็คงจัดท่าไม่อยู่อ่ะนะ)





ส่วนอก และเอว ที่สามารถจัดท่าให้เงยได้เยอะดี 



เปิดกระโปรง Zeong อ๊าย อย่าดูนะ คนลาโม๊กกก~~~
...เออ ไม่ใช่ล่ะ มาดูรายละเอียดด้านล่างกันครับ


เทียบกับกันดั้ม จะเห็นว่า บิ๊กเบิ้มกันเลยทีเดียว เพราะถ้า Zeong มีขาล่ะก็ มันจะสูงร่วม 40 เมตรกันเลยทีเดียวครับ


สีที่ใช้พ่น Zeong ก็มีไม่กี่สี ดังนี้ล่ะครับ
สีเทาอมฟ้า - พ่นสีน้ำเงิน 71 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีเทา 13 + น้ำเงิน 117 + ขาว 1
สีน้ำเงิน - พ่นสีน้ำเงิน 71 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีขาว สาดตบท้ายด้วยน้ำเงิน 110
สีเหลือง - เหลือง 4 + เหลือง 109 + ขาวนิดหน่อย
สีแดง - พ่นสีเทา 116 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีขาว สาดตบท้ายด้วยแดง 108
สีเขียว - เขียว 6 + เทา 13 + น้ำเงิน 71 + ดำ 2
สีเทา - เทา 116
    ถึงตัวโมเดลจะออกมานานมากแล้ว แต่หมึกแดงก็ขอรีวิวด้วยซักหน่อยละกันครับ

-สัดส่วน 10/10
    สวยบาดใจมาก แถมยังสวยกว่า MG หลายขุมเลยทีเดียว สัดส่วนไม่อ้วน ไม่ผอมเกินไป

- ชิ้นส่วน 9/10
    แถมไม่มีผ่ากลางมากวนใจเลยครับ แต่ตรงลำตัวออกแบบมาให้ทำงานยากไปหน่อย ถ้าอยากทำสีล่ะก็นะ

- การขยับ 5/10
    ที่ให้น้อย ไม่ใช่เพราะมันห่วยอะไรหรอกครับ แต่หุ่นมันมาก็ทรงแบบนี้แล้ว จะให้ขยับได้มากไปไหนกัน และส่วนตัว ทำท่าเงยหน้าได้เยอะมาก แต่การก้มกลับทำได้ไม่ดีเท่าแฮะ

- ของแถม 10/10 
    อันนี้ที่ให้เต็มก็ไม่ใช่อะไรหรอก..... ก็ในเรื่องมันก็มีแค่ตัวมาตันๆ อยู่แล้ว ไม่มีอะไรติดมาด้วยเล้ยยย

- ความคุ้มค่า 9/10
    ราคา 1,800 เยน แต่ได้ล่ำบึกขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มมากล่ะครับ ถึงรูปทรงจะไม่ได้หล่อเหลา พระเอกมากมายอะไร แต่สำหรับ MS ในสงครามหนึ่งปี ตัวมันเองก็มีสเน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้ว สำหรับคนที่ชอบ MS ในยุค UC ผมว่าก็พลาดไม่ได้ที่จะมีเก็บไว้นะครับ

สำหรับคราวนี้ก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดูกันนะครับ หมึกแดงก็ขอตัวกลิ้งไปหา กันพลายุค UC มาทำต่อก่อนล่ะครับ หมึกๆ ~~~ 


วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Model-Muv-luv] จักรกลสีเหลืองทอง ทาเคมิคาสึจิ ไทป์ 00F

Muv-luv Alternative Total Eclipse
 


Op ของ Muv-luv Total Eclipse ครับ

 
 



 ในส่วนของข้อมูลหุ่น ก็เหมือนๆ กับรุ่น 00R ครับ แตกต่างกันก็แค่กระบังหน้าผาก และดวงตาเท่านั้นเอง
ส่วนอื่นๆ กลิ้งตามไปดูข้อมูลหุ่นได้ที่นี่ครับ
http://butter-t.blogspot.com/2014/04/model-muv-luv.html


นักบิน
Takamura Yui
 
 


ทาคามุระ ยุย

   เจ้าบ้านคนปัจจุบันของตระกูลทาคามุระและตระกูลฟุคามุ(ฟุคาบุ.... ไม่ชัวร์)
ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุในกองทัพโชกุน
ได้รับพระราชทานทาเคมิคาสึจิ Type F มาจากเซย์ไดโชกุน โคบุอิน ยูฮิ
ในช่วงเวลาที่ทำงานกับสาขาการทหารของจักรวรรดินั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยเขี้ยวขาว
(ชิโรคิบะ/ไวท์แฟงค์) หน่วยรบฝีมือเยี่ยมที่มีการทดลองใช้อาวุธปืนลำแสงพลังงาน

   ในปี 2001 เดือน 2 กองทัพจักรวรรดิได้เข้าร่วมแผนการพัฒนาเซ็นจุตสึกิร่วมกันของญี่ปุ่น-อเมริกา “โปรเจคท์ XFJ”
โดยได้ส่งยุยในฐานะตัวแทนให้มาเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบโครงการ
ในเดือน5ของปีเดียวกันนั้นได้เข้าเริ่มทำงานที่ฐานทัพบกยูคอนสาขา3 ที่อลาสก้า
ซึ่งในที่เดียวกันนี้เองที่ยุยได้ขึ้นขับทาเคมิคาสึจิของตนเข้านำกลุ่มนักบินเข้าปะทะกับกลุ่มก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ในฐานะนักบินแล้วถือว่าเป็นนักบินชั้นยอดแถมยังเคยมีประสบการณ์รบจริงในฐานะหัวหน้าหน่วย
เมื่อดูจากชาติกำเนิดและจุดยืนแล้วจึงเป็นธรรมดาที่จะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดี
ในเรื่องของความรักนั้นออกจะไม่ค่อยรู้ใจตัวเองแถมยังไม่ประสีประสาเท่าไรนัก
โดยส่วนตัวคิดว่าความโรแมนติคเป็นเรื่องน่าเบื่อ
Call Sign “White fang 1"

(ขอบคุณคุณน้องโด้คุงที่แปลบทความมาให้ครับ)

Credit : ข้อมูลจากบล็อกของตาเอฟครับ
 
----------------------------------------------

   กล่องที่ 2 ในซี่รี่ส์ Muv-luv ที่ทางโคโตออกพลาโมครับ แน่นอนว่าผมก็ยังคงตามติดกับซี่รี่ส์นี้เช่นกัน
(กันดั้มน่ะ เอาไว้ทีหลัง ตอนนี้หมึกเล่นซี่รี่ส์นี้เป็นหลักล่ะ ฮะๆ)
ส่วนของภาพต่างๆ เคยถ่ายไว้ตอนเครื่อง 00R แล้วนะครับ ครั้งนี้เลยเอาจุดที่ไม่ได้ถ่ายไว้คราวก่อนมาให้ดูแทนละกัน

ข้อต่อส่วนแขนช่วงหัวไหล่ที่ออกแบบมาได้ดีมากๆ เลย มีจุดขยับถึง 4 ช่วง
ทำให้ขอบเขตการขยับกวว้างมาก ทั้งมาด้านข้าง หรือจะขยับไปหลัง-หน้า ก็ยังได้
 
 
 
 
 
ส่วนคอก็มีจุดขยับเพิ่งออกมาทำให้เงยหน้าได้มากเลย
 
 
หัวเข่า งอได้ราวๆ 90 องศาครับ
ตอนที่ขยับหัวเข่า เกราะที่หัวเข่าก็จะขยับตามด้วยนะ
 
 
 
ข้อเท้านั้นขยับได้สุดๆ ไปเลยเพราะมีการพับหลายจังหวะดังรูปครับ
 
 
 

ใบมีดที่ซ่อนอยู่ภายในเกราะแขน
 
 
 
 
ดาบคู่
 
 
 
ใครว่าใช้วิชาดาบคู่ แล้วจะยิงปืนไม่ได้ คิดใหม่ซะนะครับ
เพราะกันเมาท์ นั่นมีแขนกลที่ขยับมาด้านหน้าได้
 
 
 
 
เวลาปกติ จะถูกเก็บไว้ที่ด้านหลัง
 
 
 
ติดอุปกรณ์ช่วยบิน ก็ยังยืนอยู่แฮะ
 
 
 
ของแถมพิเศษในกล่องนี้ครับ
ตัวฐานปั๊มชื่อมาด้วยเลย (ไม่กะให้แอบเอาไปใช้กับตัวอื่นเลยสินะ)
 
 
 
เอามาเทียบกันระหว่าง 2 เครื่อง
ลองมองหาจุดแตกต่างดูสิครับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เฉลยสำหรับคนที่หาไม่เจอ
คือตรงหน้าผาก กับดวงตาครับ (ต่างกันแค่นั่นละ)
 


ถ่ายคู่กับกล่องครับ
 
 
 
 
 
 
   ขอบอกว่าตอนทำโมเดลกล่องนี้ เป็นอะไรที่ลำบากลำบนมากครับ
เจออุปสรรคตลอด ไม่ว่าจะเป็นฝนตก พ่นสีแล้วฝ้าขึ้นต้องแก้งาน
แถมยังมีชิ้นส่วนหายด้วย เล็บเท้าหายไปข้างนึงครับ ต้องมานั่งทำใหม่กันอีก
แต่เนื่องด้วยใจรักในนักบิน (อ่านถูกแล้วครับ ถ้าไม่ใช่เจ๊ยุยขับ หมึกไม่สนขนาดนี้หร้อก)
เลยเป็นแรงขับดันให้ก้าวพ้นอุปสรรคทำจนสำเร็จได้ครับ (ฮา)

   ในส่วนของเรื่องสี พยายามผสมสีเหลืองให้ใกล้เคียงกับในรูปโปรไฟล์ครับ
แต่สีเหลืองกว่าจะพ่นออกมาเป็นแบบนี้ได้ ยากหลายๆ ต้องพ่นกันหลายชั้นมาก
กว่าจะขึ้นเหลืองเสมอกันแบบนี้น่ะครับ ส่วนชิ้นใสสีม่วงที่ให้มาในกล่อง....
ลืมมันไปเถอะครับ ฉีดสีมาไม่าสวยเลย ในที่สุดผมก็เลยตกลงใจได้ว่า...ตรูพ่นสีทึบไปก็ได้ฟร่ะ...

เหลือง - 113+1+4+58
ม่วง - 67+1+79
เทา - 116
เงิน - 28+8