Model number: MSN-02
Code name: Zeong
Unit type: prototype Newtype use mobile suit
Manufacturer: A Bao A Qu Mobile Suit Factory
Operator: Principality of Zeon
First deployment: 31 December UC 0079
Accommodation: pilot only, in standard cockpit in head
Dimensions: head height 17.3 meters
Weight: empty 151.2 metric tons; max gross 231.9 metric tons
Powerplant: Minovsky type ultracompact fusion reactor, output rated at 9400 kW
Propulsion: rocket thrusters: 187000 kg total
Performance: maximum thruster acceleration 0.81 G
Equipment and design features: sensors, range 81000 meters; psycommu system; detachable head, can be operated without main body
Fixed armaments: 2 x wire-guided 5-barrel mega particle gun, barrels mounted in manipulator fingers, all barrels in each hand are fire-linked; 2 x mega particle gun, mounted in torso; mega particle gun, mounted in head
MS ที่ถูกพัฒนาต่อจาก MAN-08 Elmeth , Zeong นั้นเป็น MS ที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับนักบินที่เป็นนิวไทป์โดยเฉพาะ โดยถูกพัฒนาขึ้นในช่วงท้ายของสงครามหนึ่งปีในฐานทัพ A Bao A Qu บนอวกาศของซีออน ซึ่ง คิชิเลีย ซาบี้ ได้สั่งให้ ชาร์ อัสนาเบิ้ล นำ Zeong ออกรบ เพื่อหยุดการรุกคืบของพัพพันธมิตร สู่ที่มั่นสุดท้ายของซีออนในอวกาศ โดยคิชิเลียให้เหตุผล(สุดจะแถ) แก่ชาร์ไว้ว่า " Zeong มีความสามารถในการรบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะขาไม่มีความจำเป็นสำหรับการรบในอวกาศ" (แต่ถ้าหมึกแดงเป็นชาร์ ก็คงหนาวๆ ร้อนๆ บ้างล่ะ ที่อยู่ดีๆ ก็โดนสั่งให้ไปบังคับอะไรซักอย่างที่ไม่รู้จักไปออกรบ ...แถมยังสร้างเสร็จแค่ 70% เนี่ย...)
Zeong นั้น ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้งๆ ที่มีข้อจำกัดหลายประการ มันเป็น MS เพียงเครื่องเดียวในขณะนั้นที่มีระบบ ไซโคมิว ที่สามารทำให้นักบินควบคุมแขนทั้ง 2 ข้างที่มีปืนสำแสงอย่างอิสระโดยไม่ต้องติดอยู่ที่ MS (ต้นแบบของ อาวุธตระกูลฟันเนล, บิท ทั้งหลายนั่นเอง) ซึ่งถ้านับรวมไปถึงอาวุธอื่นที่ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องแล้ว Zeong จะเป็น MS ที่มีอาวุธลำแสงติดอยู่ภายในมากที่สุดในสงครามหนึ่งปีทีเดียว และจุดเด่นอีกอย่างนั้นคือ การที่มันมีค็อกพิทอยู่ที่ส่วนหัวของ MS ทำให้เมื่อส่วนลำตัวได้รับความเสียหายหนัก ก็สามารถทิ้งส่วนลำตัวเพื่อทำการรบต่อได้
และถึงแม้จะสร้างไม่เสร็จ แต่ Zeong ก็แสดงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของมันออกมาให้เห็น โดยการไล่ต้อน กันดั้มของอามูโร่ อย่างหนัก และสุดท้าย ทั้ง Zeong และ Gundam ต่างถูกทำลายลงพร้อมๆ กันการยิงสวนกันที่เป็นช็อตในตำนาน จนมีการตั้งชื่อช็อตนี้กันว่า " Last Shooting" กันเลย
Code name: Zeong
Unit type: prototype Newtype use mobile suit
Manufacturer: A Bao A Qu Mobile Suit Factory
Operator: Principality of Zeon
First deployment: 31 December UC 0079
Accommodation: pilot only, in standard cockpit in head
Dimensions: head height 17.3 meters
Weight: empty 151.2 metric tons; max gross 231.9 metric tons
Powerplant: Minovsky type ultracompact fusion reactor, output rated at 9400 kW
Propulsion: rocket thrusters: 187000 kg total
Performance: maximum thruster acceleration 0.81 G
Equipment and design features: sensors, range 81000 meters; psycommu system; detachable head, can be operated without main body
Fixed armaments: 2 x wire-guided 5-barrel mega particle gun, barrels mounted in manipulator fingers, all barrels in each hand are fire-linked; 2 x mega particle gun, mounted in torso; mega particle gun, mounted in head
MS ที่ถูกพัฒนาต่อจาก MAN-08 Elmeth , Zeong นั้นเป็น MS ที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับนักบินที่เป็นนิวไทป์โดยเฉพาะ โดยถูกพัฒนาขึ้นในช่วงท้ายของสงครามหนึ่งปีในฐานทัพ A Bao A Qu บนอวกาศของซีออน ซึ่ง คิชิเลีย ซาบี้ ได้สั่งให้ ชาร์ อัสนาเบิ้ล นำ Zeong ออกรบ เพื่อหยุดการรุกคืบของพัพพันธมิตร สู่ที่มั่นสุดท้ายของซีออนในอวกาศ โดยคิชิเลียให้เหตุผล(สุดจะแถ) แก่ชาร์ไว้ว่า " Zeong มีความสามารถในการรบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะขาไม่มีความจำเป็นสำหรับการรบในอวกาศ" (แต่ถ้าหมึกแดงเป็นชาร์ ก็คงหนาวๆ ร้อนๆ บ้างล่ะ ที่อยู่ดีๆ ก็โดนสั่งให้ไปบังคับอะไรซักอย่างที่ไม่รู้จักไปออกรบ ...แถมยังสร้างเสร็จแค่ 70% เนี่ย...)
Zeong นั้น ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้งๆ ที่มีข้อจำกัดหลายประการ มันเป็น MS เพียงเครื่องเดียวในขณะนั้นที่มีระบบ ไซโคมิว ที่สามารทำให้นักบินควบคุมแขนทั้ง 2 ข้างที่มีปืนสำแสงอย่างอิสระโดยไม่ต้องติดอยู่ที่ MS (ต้นแบบของ อาวุธตระกูลฟันเนล, บิท ทั้งหลายนั่นเอง) ซึ่งถ้านับรวมไปถึงอาวุธอื่นที่ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องแล้ว Zeong จะเป็น MS ที่มีอาวุธลำแสงติดอยู่ภายในมากที่สุดในสงครามหนึ่งปีทีเดียว และจุดเด่นอีกอย่างนั้นคือ การที่มันมีค็อกพิทอยู่ที่ส่วนหัวของ MS ทำให้เมื่อส่วนลำตัวได้รับความเสียหายหนัก ก็สามารถทิ้งส่วนลำตัวเพื่อทำการรบต่อได้
และถึงแม้จะสร้างไม่เสร็จ แต่ Zeong ก็แสดงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของมันออกมาให้เห็น โดยการไล่ต้อน กันดั้มของอามูโร่ อย่างหนัก และสุดท้าย ทั้ง Zeong และ Gundam ต่างถูกทำลายลงพร้อมๆ กันการยิงสวนกันที่เป็นช็อตในตำนาน จนมีการตั้งชื่อช็อตนี้กันว่า " Last Shooting" กันเลย
ท่าระดับตำนาน Last Shooting ที่ Gundam และ Zeong ยิงสวนกันจนถูกทำลายทั้ง 2 เครื่อง
ซึ่งท่า Last Shooting นี้ ได้มีกันดั้มภาคหลังหลายต่อหลายภาคนำไปเลียนแบบในช่วงท้ายของเรื่องกันมากมาย ลองสังเกตุดูสิครับ ว่ามีหลายภาคมาก ที่ในตอนสุดท้าย กันดั้มของพระเอก จะต้อง หัวขาด และแขนขาดอีกหนึ่งข้างเสมอๆ เลย
สัดส่วนด้านต่างๆ แน่นอนว่าต้องมีขาตั้งมาให้ ....ไม่งั้นจะตั้งได้ไง เฮียแกไม่มีขา ........
ดวงตาเป็น โมโนอาย ตามสไตล์ MS ของซีออนอยู่แล้ว
ส่วนนิ้ว Zeong เป็น ตัวแรกของซี่รี่ส์ HGUC เลยครับ ที่ขยับนิ้วได้ทุกนิ้ว (เพราะตัวใหญ่อ่ะนะ)
ปืนใหญ่ลำแสง(สีม่วง?) ที่ส่วนเอว
อาวุธหลักที่ขาดไปไม่ได้ แขนไซโคมิว ตรงนี้มีสายไฟมาให้จัดท่าได้ ...แต่ขอบอก ให้มาสั้นโคตร ยืดได้ไม่มันส์อ่ะ (แต่ถ้ายาวไป ก็คงจัดท่าไม่อยู่อ่ะนะ)
ส่วนอก และเอว ที่สามารถจัดท่าให้เงยได้เยอะดี
เปิดกระโปรง Zeong อ๊าย อย่าดูนะ คนลาโม๊กกก~~~
...เออ ไม่ใช่ล่ะ มาดูรายละเอียดด้านล่างกันครับ
...เออ ไม่ใช่ล่ะ มาดูรายละเอียดด้านล่างกันครับ
เทียบกับกันดั้ม จะเห็นว่า บิ๊กเบิ้มกันเลยทีเดียว เพราะถ้า Zeong มีขาล่ะก็ มันจะสูงร่วม 40 เมตรกันเลยทีเดียวครับ
สีที่ใช้พ่น Zeong ก็มีไม่กี่สี ดังนี้ล่ะครับ
สีเทาอมฟ้า - พ่นสีน้ำเงิน 71 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีเทา 13 + น้ำเงิน 117 + ขาว 1
สีน้ำเงิน - พ่นสีน้ำเงิน 71 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีขาว สาดตบท้ายด้วยน้ำเงิน 110
สีเหลือง - เหลือง 4 + เหลือง 109 + ขาวนิดหน่อย
สีแดง - พ่นสีเทา 116 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีขาว สาดตบท้ายด้วยแดง 108
สีเขียว - เขียว 6 + เทา 13 + น้ำเงิน 71 + ดำ 2
สีเทา - เทา 116
สีเทาอมฟ้า - พ่นสีน้ำเงิน 71 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีเทา 13 + น้ำเงิน 117 + ขาว 1
สีน้ำเงิน - พ่นสีน้ำเงิน 71 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีขาว สาดตบท้ายด้วยน้ำเงิน 110
สีเหลือง - เหลือง 4 + เหลือง 109 + ขาวนิดหน่อย
สีแดง - พ่นสีเทา 116 เป็นพื้นก่อน แล้วจึงพ่นไล่ด้วยสีขาว สาดตบท้ายด้วยแดง 108
สีเขียว - เขียว 6 + เทา 13 + น้ำเงิน 71 + ดำ 2
สีเทา - เทา 116
ถึงตัวโมเดลจะออกมานานมากแล้ว แต่หมึกแดงก็ขอรีวิวด้วยซักหน่อยละกันครับ
-สัดส่วน 10/10
สวยบาดใจมาก แถมยังสวยกว่า MG หลายขุมเลยทีเดียว สัดส่วนไม่อ้วน ไม่ผอมเกินไป
- ชิ้นส่วน 9/10
แถมไม่มีผ่ากลางมากวนใจเลยครับ แต่ตรงลำตัวออกแบบมาให้ทำงานยากไปหน่อย ถ้าอยากทำสีล่ะก็นะ
- การขยับ 5/10
ที่ให้น้อย ไม่ใช่เพราะมันห่วยอะไรหรอกครับ แต่หุ่นมันมาก็ทรงแบบนี้แล้ว จะให้ขยับได้มากไปไหนกัน และส่วนตัว ทำท่าเงยหน้าได้เยอะมาก แต่การก้มกลับทำได้ไม่ดีเท่าแฮะ
- ของแถม 10/10
อันนี้ที่ให้เต็มก็ไม่ใช่อะไรหรอก..... ก็ในเรื่องมันก็มีแค่ตัวมาตันๆ อยู่แล้ว ไม่มีอะไรติดมาด้วยเล้ยยย
- ความคุ้มค่า 9/10
ราคา 1,800 เยน แต่ได้ล่ำบึกขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มมากล่ะครับ ถึงรูปทรงจะไม่ได้หล่อเหลา พระเอกมากมายอะไร แต่สำหรับ MS ในสงครามหนึ่งปี ตัวมันเองก็มีสเน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้ว สำหรับคนที่ชอบ MS ในยุค UC ผมว่าก็พลาดไม่ได้ที่จะมีเก็บไว้นะครับ
-สัดส่วน 10/10
สวยบาดใจมาก แถมยังสวยกว่า MG หลายขุมเลยทีเดียว สัดส่วนไม่อ้วน ไม่ผอมเกินไป
- ชิ้นส่วน 9/10
แถมไม่มีผ่ากลางมากวนใจเลยครับ แต่ตรงลำตัวออกแบบมาให้ทำงานยากไปหน่อย ถ้าอยากทำสีล่ะก็นะ
- การขยับ 5/10
ที่ให้น้อย ไม่ใช่เพราะมันห่วยอะไรหรอกครับ แต่หุ่นมันมาก็ทรงแบบนี้แล้ว จะให้ขยับได้มากไปไหนกัน และส่วนตัว ทำท่าเงยหน้าได้เยอะมาก แต่การก้มกลับทำได้ไม่ดีเท่าแฮะ
- ของแถม 10/10
อันนี้ที่ให้เต็มก็ไม่ใช่อะไรหรอก..... ก็ในเรื่องมันก็มีแค่ตัวมาตันๆ อยู่แล้ว ไม่มีอะไรติดมาด้วยเล้ยยย
- ความคุ้มค่า 9/10
ราคา 1,800 เยน แต่ได้ล่ำบึกขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มมากล่ะครับ ถึงรูปทรงจะไม่ได้หล่อเหลา พระเอกมากมายอะไร แต่สำหรับ MS ในสงครามหนึ่งปี ตัวมันเองก็มีสเน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้ว สำหรับคนที่ชอบ MS ในยุค UC ผมว่าก็พลาดไม่ได้ที่จะมีเก็บไว้นะครับ
สำหรับคราวนี้ก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดูกันนะครับ หมึกแดงก็ขอตัวกลิ้งไปหา กันพลายุค UC มาทำต่อก่อนล่ะครับ หมึกๆ ~~~